วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

จัดสวนเพื่อประหยัดพลังงาน


หลักการจัดสวนประหยัดพลังงาน สวนบ้านเดี่ยว สวนคอนโด สวนหอพัก สวนทาวน์เฮาส์   สถานการณ์ น้ำมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกคน ทุกหน่วยงานต่างออกมารณรงค์ให้ช่วยกันประหยัดน้ำมัน ประหยัดไฟ ตัวเราเองก็สามารถช่วยประหยัดไฟได้
 
 
และสามารถประหยัดไปได้เรื่อยๆ โดยเราไม่รู้ตัว วิธีที่ว่านี้คือการทำบ้านเราให้เย็น โดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ แต่ใช้ต้นไม้เข้ามาช่วย วิธีการก็ง่ายแสนง่าย เช่น ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมภายในบ้านใหม่ ปลูกต้นไม้บังแดด ปลูกต้นไม้หรือไม้เลื่อยตามระเบียงรั้ว เพื่อลดความร้อนที่จะเข้ามาในบ้าน ปลูกต้นไม้คลุมดิน ปลูกหญ้าเพื่อเพิ่มความชื้น เท่านี้เองก็สามารถช่วยเราประหยัดไฟ ประหยัดเงินในกระเป๋า และลดความเสื่อมของเครื่องปรับอากาศบ้านเราด้วย

ความรู้เกี่ยวกับการจัดสวน

ประโยชน์จากการจัดสวน

  • ทำ ให้บ้านของเราสวยงามน่าอยู่ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาความสบายนอกบ้าน เป็นที่ชื่นชมของผู้ที่ผ่านไปมา เป็นสง่าราศีแก่บ้าน และผู้ที่อยู่อาศัยภายในบ้านนั้น
  • ในทางตรงกันข้ามหากบริเวณบ้านของท่านรกรุงรัง นอกจากไม่เป็นที่ชื่นชมแล้ว ยังอาจเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษอีกด้วย
  • เป็น ที่พักผ่อนหย่อนใจ คลายเครียด การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สดชื่นด้วยไม้ดอก ไม้ใบ ทำให้จิตใจ ชุ่มชื่น ผ่อนคลายความเครียดจากการงานได้มากทีเดียว
  • เกิด ความสัมพันธ์ในครอบครัว การที่คนในครอบครัวช่วยกันทำสวน ดูแลสวนร่วมกันทำให้ได้ พบปะสนทนา เป็นการเพิ่มความรักความใกล้ชิดในครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น
  • ประหยัด พลังงาน สวนช่วยให้เกิดความร่มรื่น การปลูกต้นไม้บังบ้านด้านที่รับแดด ผนังก็จะไม่ร้อนส่งผลให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ไม่ต้องพึ่งพาพัดลมทำให้ประหยัด พลังงานภายในบ้าน จากงานวิจัยพบว่า ต้นไม้ขนาดใหญ่ 1 ต้น จะช่วยให้อุณหภูมิลดลงประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดความร่มรื่นเย็นสบาย เมื่อเวลาเราเดินในสวนสาธารณะ
  • ต้นไม้ สามารถให้ร่มเงาแก่พื้นคอนกรีต ทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ในพื้น เมื่อลมพัดผ่านก็จะไม่นำความร้อนเข้ามาสู่บ้าน ทำให้บ้านเย็นสบาย
  • ความ เป็นส่วนตัวและเป็นการป้องกัน ในกรณีที่ท่านปลูกต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้เหล่านั้นสามารถป้องกันแสงสว่างจากถนน หรือยวดยานที่ผ่านไปมาและส่องแสงรบกวนผู้อยู่อาศัย  สามารถลดเสียงรบกวนจากรถยนต์และจักรยานยนต์ จากภายนอก
  • ได้ออกกำลังกาย การดูแลสวน รดน้ำ พรวนดิน ตกแต่งกิ่งไม้ กวาดใบไม้ เป็นการออกกำลังกายและผักผ่อนจิตใจได้อีกอย่าง
  • กรอง ฝุ่นละอองที่กระจายทั่วๆไป เพื่อกรองฝุ่นละอองที่กระจายทั่วๆไปในอากาศและฝุ่นละอองจากถนนไม่ให้เข้ามา ในบ้านโดยเลือกใช้พรรณไม้ที่สามารถเก็บฝุ่นละอองได้มากเช่น สนทะเล, สนประดิพัทธ์
  • จัดแต่งบางตำแหน่งของสวนเพื่อปิดบังสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะของบริเวณใกล้เคียง
  • เป็น แหล่งอาหาร ในกรณีที่ท่านปลูกต้นไม้ที่ให้ผล หรือเป็นพืชผักสวนครัว ต้นไม้เหล่านั้นสามารถให้ผล หรือส่วนต่างๆ เป็นอาหาร แก่ท่านได้ ซึ่งนอกจากไม่ต้องซื้อหาจากนอกบ้านแล้ว ท่านยังมั่นใจได้ว่าจะได้รับประทานอาหาร ที่ปราศจากยากำจัดแมลงอย่างแท้จริงอีกด้วย
  • เป็น สวนสมุนไพร ภายในบ้าน ซึ่งในปัจจุบัน เริ่มได้รับความความสนใจกันมาก สมุนไพรหลายชนิดที่ใช้เป็นยาสามัญประจำบ้าน นิยมเอามาจัดแต่งสวน หรือ ปลูกทำรั้วบ้าน

หลักการและแนวคิดในการจัดสวน

  • สำหรับ ผู้ที่ไม่มีพื้นความรู้ด้านศิลปะ อาจลังแลในการจัดวางองค์ประกอบในสวน แต่ถ้าศึกษาด้วยตนเองหรือจดจำจากตัวอย่างในหนังสือเกี่ยวกับสวน ไม่ช้าก็สามารถเรียนรู้จากการทดลองทำ เริ่มจากสวนในบ้านของตัวเอง เป็นการฝึกจะพบว่าไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่สำคัญ คือ การเลือกพันธุ์ไม้ที่มีธรรมชาติ หรือความต้องการ ดิน น้ำ แสง เหมือนๆ กัน มาปลูกรวมกัน ต้นไม้ก็จะอยู่รอดอย่างงดงามได้
  • สิ่ง สำคัญอันดับต่อไปคือ การจัดการเรื่องระบบรดน้ำ และระบบระบายน้ำ จัดให้มีก๊อกน้ำเพียงพอและสะดวกในการรดน้ำ ทำรางระบายน้ำ ป้องกันการเกิดน้ำท่วมขัง
  • การ บำรุงรักษาต้องสม่ำเสมอ มีการให้ปุ๋ยทุกๆ เดือน และไม่ควรใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียว ควรใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นส่วนมากเพราะจะทำให้ดินไม่แข็งเป็นก้อน ควรหลีกเลี่ยงยาฆ่าแมลง หากไม่จำเป็น หรือใช้ยาฆ่าแมลงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น สะเดา
  • สวน ที่ดีต้องมีความปลอดภัยทั้งกลางวันและกลางคืน ดังนั้น ควรมีแสงสว่างเพียงพอในยามค่ำคืน เพื่อป้องกันทรัพย์สินและสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ทางเดินในสวนควรใช้ วัสดุที่ไม่เรียบจนลื่น ไม่หยาบจนเดินลำบาก

"หลักการที่แนะนำนี้ใช้ได้กับสวนทุกประเภท"

หลักการเลือกพันธุ์ไม้ให้เหมาะกับทิศ

         การเลือกตำแหน่งปลูกต้นไม้แต่ละชนิด ควรเรียนรู้ให้รู้ชัดว่าต้นไม้แต่ละชนิดต้องการน้ำ และแสงมากน้อยแค่ไหน ตำแหน่งที่ควรปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา คือทิศใต้ และทิศตะวันตก ซึ่งมีแดดจัด แต่หากปลูกต้นไม้จนทึบ ก็จะทำให้ลมไม่เข้าบ้าน เพราะลมพัดมาจากทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้ เนื่องจากดวงอาทิตย์จะอ้อมไปทางด้านทิศเหนือเพียงปีละ 4 เดือนเท่านั้น ส่วนอีก 8 เดือน ดวงอาทิตย์จะอ้อมทางด้านทิศใต้ ดังนั้นการเข้าใจตำแหน่งของดวงอาทิตย์จะเป็นการทำให้ต้นไม้ได้รับแสงอาทิตย์ อย่างเพียงพอ

ทิศ เหนือ

  • ถ้า หากอาคารมีความสูงมากกว่าหนึ่งชั้น หรือ ประมาณ 6 เมตร เงาของบ้านจะทำให้ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ใกล้บ้านได้รับแสงแดดน้อยหรือไม่ได้รับ แสงเลย ควรเลือกพันธุ์ไม้ที่ชอบร่มรำไร เช่น จั๋ง สาวน้อยประแป้ง เขียวหมื่นปี พลูชนิดต่างๆ และพันธุ์ไม้ ประเภทไม้ใบอยู่ในที่ร่มได้
  • สำหรับ พันธุ์ไม้คลุมดิน ที่ชอบร่ม ได้แก่ พลูเลื้อยต่างๆ พลูกำมะหยี่ พลูทอง เฟิน สวีดีชไอวี่ ดีปลี ไม้ตระกูลหนวดปลาดุก เปปเปอร์ และลิ้นมังกรชนิดต่างๆ

ทิศ ใต้

  • เป็น ทิศที่แดดเข้าตลอดวัน และเกือบตลอดปี เพราะประเทศไทยพระอาทิตย์อ้อมใต้เป็นเวลานาน การใช้ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา จึงเป็นทางป้องกันอย่างหนึ่ง
  • ดัง นั้นพันธุ์ไม้ที่เลือกปลูกจึงควรมีใบทึบข้างบนและโปร่งด้านล่าง เพื่อให้ลมพัดผ่านเข้าบ้านได้ พันธุ์ไม้ที่ให้ร่มเงา และใบไม่ร่วงได้แก่ กระทิง สารภี มะฮอกกานี มะขาม แคแสด
  • สำหรับพันธุ์ไม้ที่ให้ดอกสวยงาม แต่ผลัดใบทั้งต้นในบางฤดูได้แก่ กัลปพฤกษ์ กระพี้จั่น เสลา คูน หางนกยูง เหลืองอินเดีย เป็นต้น
  • พันธุ์ไม้ดอกหอมที่ควรปลูกด้านนี้ได้แก่ จำปี จำปา บุหงาส่าหรี โมก พิกุล ประยงค์ แก้ว กันเกรา ปีป ตีนเป็ดน้ำ ลำดวน

ทิศ ตะวันตก

  • ทิศ นี้ได้รับแดดจัดตลอดบ่าย ควรปลูกไม้ที่ให้ร่มเงา อาจเป็นพันธุ์ไม้ที่ให้ดอกตามฤดูกาล เช่น เสลา คูน กัลปพฤกษ์ ประดู่แดง ประดู่อินเดีย พันธุ์ไม้ทิศนี้จะทำหน้าที่กันแดดช่วงบ่าย ซึ่งร้อนแรงทำให้ผนังบ้านด้านนี้เย็น และช่วยประหยัดพลังงานในเวลาค่ำคืน ซึ่งถ้าที่บ้านมีพื้นที่ไม่มากพอที่จะปลูกไม้ใหญ่ให้ร่มเงา อาจใช้อโศกอินเดีย หมากเขียว หมากเหลือง กล้วยพัด ก็เหมาะสมดี หากพื้นที่น้อยอาจใช้พันธุ์ไม้ไต่หรือเกาะผนัง เช่น ตีนตุ๊กแก ดีปลี หรือพลูบางชนิดก็ช่วยกันแดดได้ดีขึ้น

ทิศ ตะวันออก

  • ทิศ นี้จะได้รับแดดครึ่งวัน หลังเที่ยงไปแล้วจะได้รับร่มจากตัวบ้าน ควรปลูกไม้ที่ไม่ต้องการแดดตลอดวัน เช่น ไผ่ (ใบจะร่วงน้อยถ้าได้แดดเช้า) หรือพันธุ์ไม้ที่มีใบละเอียด หรือใบเล็ก จะดูสวยงามมาก เมื่อมองผ่านแดดเช้า ได้แก่ ปีป เลี่ยน โมก พู่ชมพู มะขามป้อม หลิวจีน ชิงชัน ไผ่เลี้ยง อรพิม เป็นต้น
  • ไม้พุ่มได้แก่ ฤษีผสม ซัลเวีย ปีโกเนีย พรมญี่ปุ่น เฟิน ไผ่แคระ ไม้ตระกูลใบเงิน ใบทอง ใบนาก และหมากผู้หมากเมีย

    สวน บ้านเดี่ยว

    • หน้า บ้าน ควรเลือกพันธุ์ไม้ปลูกตามความเหมาะสมของทิศทางแดด ตัวเอย่างเช่น ถ้าหน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตก แดดจะส่องเข้าบ้านแรงมากในตอนบ่าย ควรปลูกต้นไม้ที่สามารถบังแดดได้เพื่อไม่ให้ผนังบ้านร้อน ถ้าบ้านมีพื้นที่หน้าบ้านมากพอที่จะปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา เช่น พิกุล จำปี ปีป ซึ่งการดูแลให้ต้นปีปมีใบดกแน่นต้องหมั่นให้น้ำ มิฉะนั้นปีปจะมีใบโปร่งทำให้ได้ร่มเงาน้อย แต่ถ้าบ้านมีเนื้อที่น้อย ควรปลูกต้นไม้ที่ไม่กินพื้นที่มากแต่สามารถทำให้ผนังบ้านได้ร่มเงา ได้แก่ ต้นไม้ตระกูลหมาก หรือปาล์ม บางชนิด เช่น หมากเขียว หมากเหลือง หมากนวล เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่มีขนาดค่อนข้างกระทัดรัด และรากไม่รบกวนโครงสร้างของอาคาร
       
    • ถ้า หากหน้าบ้านหันทางทิศเหนือ หรือ ตะวันออก ปัญหาเรื่องแสงแดดจะน้อย เพราะได้เงาของอาคารช่วยในตอนบ่าย ดังนั้นจะใช้ต้นไม้ขนาดเล็ก เช่น โมก แก้ว หรือลำดวนก็ได้
       
    • หน้า บ้านเป็นจุดที่ทุกคนต้องการให้สวย จึงควรจัดเป็นสวนหย่อม และไม่ควรมีต้นไม้ที่ทึบมากจนมองไม่เห็นหน้าบ้าน หากมีใครไปใครมา และการจัดสวนที่ให้สีสันบ้างจะให้บรรยากาศต้อนรับแก่ผู้มาเยือน
       
    • การ ทำสนามหน้าบ้านนอกจากจะให้ความรู้สึกร่มรื่นแล้ว หญ้าจะช่วยเก็บความชุ่มชื้นให้ดิน และช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตดีและให้ความเย็นแก่พื้นดินบริเวณบ้าน ทำให้บ้านเย็นสบายมากขึ้น ซึ่งทำให้ช่วยลดการใช้แอร์ และพัดลมลงได้

สวน ห้องชุด คอนโดมิเนียม

  • สวนอาคารชุดจะมีลักษณะค่อนข้างถาวร เพราะผู้อยู่อาศัยเป็นเจ้าของ ดังนั้นการตกแต่งจึงไม่ต้องคำนึงถึงการโยกย้ายบ่อยๆ
  • อาจมีการยกระดับตรงพื้นที่มีชุดนั่งเล่น กะบะต้นไม้อาจให้ใหญ่ขึ้น ทำโครงไม้ระแนงเพื่อใช้แขวนต้นไม้หรือปลูกไม้เลื่อย ถ้ามีแสงแดดพอ
  • หากบริเวณนั้นมีแสงแดดน้อย ก็ไม่ควรเลือกต้นไม้ขนาดใหญ่เกินไป เพื่อการเคลื่อนย้ายให้ได้รับแสง
  • ส่วนพื้นจะปูด้วยกระเบื้องหรือไม้ ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความเหมาะสมของทิศทาง

สวน หอพัก


  • ระเบียงของหอพัก โดยทั่วไปจะมีขนาดประมาณ 1.50x2.0 เมตร ค่อนข้างจะคับแคบ
  • แต่ก็สามารถจัดให้เป็นที่พักผ่อน ได้ด้วยการจัดเก้าอี้และต้นไม้ให้ชิดข้างฝาจะทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น
  • วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้จัดสวนหอพัก ควรมีน้ำหนักเบา ยกย้ายง่าย เพราะผู้ที่อยู่หอพักไม่ใช่เจ้าของที่ถาวรวัสดุที่มีน้ำหนักเบา
  • ได้แก่ กระบะไม้ หรือกระถางพลาสติก หากใช้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ควรให้เป็นวัสดุชนิดเดียวกัน
  • เพื่อให้กลมกลืนทั้งบริเวณ ต้นไม้ที่ใช้ควรดูแลง่าย สามารถอยู่ในที่ร่มรำไร ถ้าหากมีแสงแดดสาดถึงก็ใช้ไม้ดอกได้
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น